การปฐมพยาบาล
การปฐมพยาบาล หมายถึง
การให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยหรือผู้บาดเจ็บ ณ สถานที่เกิดเหตุ
โดยใช้อุปกรณ์เท่าที่จะหาได้ในขณะนั้น ก่อนที่ผู้บาดเจ็บจะได้รับการดูแลรักษาจากบุคลากรทางการแพทย์
หรือส่งต่อไปยังโรงพยาบาล
การปฐมพยาบาลมีวัตถุประสงค์ที่สำคัญคือ
1. เพื่อช่วยชีวิต
2. เพื่อเป็นการลดความรุนแรงของการบาดเจ็บหรือการเจ็บป่วย
3. เพื่อทำให้บรรเทาความเจ็บปวดทรมาน
และช่วยให้กลับสู่สภาพเดิมโดยเร็ว
4. เพื่อป้องกันความพิการที่จะเกิดขึ้นตามมาภายหลังการปฐมพยาบาล
การใช้ผ้าสามเหลี่ยม ( Triangular bandages)
|
|
การใช้ผ้าสามเหลี่ยม เมื่อมีบาดแผลต้องใช้ผ้าพันแผล
ซึ่งขณะนั้นมีผ้าสามเหลี่ยม
|
|
สามารถใช้ผ้าสามเหลี่ยมแทนผ้าพันแผลได้
โดยพับเก็บมุมให้เรียบร้อย
และก่อนพันแผลต้องพับผ้าสามเหลี่ยมให้มีขนาดเหมาะสมกับบาดแผล และอวั ยวะ
|
|
1. การคล้องแขน (Arm sling)
|
|
ในกรณีที่มีกระดูกต้นแขนหัก
หรือกระดูกปลายแขนหัก เมื่อตกแต่งบาดแผล
|
|
และเข้าเฝือกชั่วคราวเรียบร้อยแล้ว
จะคล้องด้วยผ้าสามเหลี่ยมตามลำดับดังนี้
|
|
1.1 วางผ้าสามเหลี่ยมให้มุมยอดของสามเหลี่ยมอยู่ใต้ข้อศอกข้างที่เจ็บ
|
|
ให้ชายผ้าด้านพบพาดไปที่ไหล่อีกข้างหนึ่ง

|
|
1.2 จับชายผ้าด้านล่างตลบกลับขึ้นข้างบน
ให้ชายผ้าพาดไปที่ไหล่ข้างเดียว
|
|
กับแขนข้างที่เจ็บ
|
|
|
1.3 ผูกชายทั้งสองให้ปมอยู่ตรงร่องเหนือกระดูกไหปลาร้า
1.4 เก็บมุมสามเหลี่ยมโดยใช้เข็มกลัดติดให้เรียบร้อย

|
|
2. การพันมือ ใช้กรณีที่มีบาดแผลที่มือ ทำตามลำดับดังนี้
|
|
|
|
|
2.1 วางมือที่บาดเจ็บลงบนผ้าสามเหลี่ยม
จับมุมยอดของผ้าสามเหลี่ยม
|
|
ลงมาด้านฐานจรดบริเวณข้อมือ
|
2.2 ห่อมือโดยจับชายผ้าทั้งด้านซ้ายและขวาไขว้กัน
|
|
2.3 ผูกเงื่อนพิรอดบริเวณข้อมือ
|
|
|
|
1. ดูรอยแผล
ถ้างูไม่มีพิษแผลจะเป็นรอยถลอก ให้ทำแผลแบบ แผลถลอก
|
แล้วถ้าแผลไม่ลุกลามหรือไม่มีอาการอื่น
ไม่ต้องไปหาหมอ แผลจะหายเอง ถ้างูมีพิษจะมีรอยเขี้ยว 1 หรือ 2 จุด ให้รักษาตามข้อ 2-7
|
2. พูดปลอบใจอย่าให้กลัวหรือตกใจ, ให้นอนนิ่งๆ, ถ้าจำเป็นให้เคลื่อนไหวน้อยที่สุด
|
|
3. ห้ามให้ดื่มเหล้า ยาดองเหล้า
หรือยากล่อมประสาท
|
|
4. ห้ามใช้มีดกรีดปากแผล
ห้ามบีบเค้นบริเวณแผล เพราะจะทำให้แผลช้ำ
|
|
สกปรก และทำให้พิษกระจายเร็วขึ้น.
|
|
5. ห้ามขันชะเนาะรัดแขนหรือขา
เพราะจะเกิดอันตรายมากขึ้น
|
|
6. รีบพาไปหาหมอ, ถ้าเป็นไปได้ควรนำซากงูที่กัดไปด้วย
|
|
7. ถ้าหยุดหายใจ ให้
เป่าปากช่วยหายใจ
|
|
|
|
|
|
|
|
ห้ามขยี้ตา , รีบลืมตาในน้ำสะอาด , และกลอกตาไปมาหรือเทน้ำให้ไหลผ่านตา
|
|
ที่ถ่างหนังตาไว้ ถ้ายังไม่ออก
ให้คนช่วยใช้มุมผ้าเช็ดหน้าที่สะอาดเขี่ยผงออกถ้าไม่ออก ควรรีบไปหาหมอ
|
|
|
|
- แผลตื้นหรือแผลมีดบาด
(เลือดออกไม่มาก)
|
|
|
1. บีบให้เลือดชะเอาสิ่งสกปรกออกมาบ้าง
|
2. ถ้ามีฝุ่นผงหรือสกปรก
ต้องล้างออกด้วยน้ำสุกกับสบู่
|
|
3. ใส่ ทิงเจอร์ใส่แผลสด หรือ
น้ำยาโพวิโดนไอโอดีน
|
|
4. พันรัดให้ขอบแผลติดกัน
|
|
5. ควรทำความสะอาดแผลและเปลี่ยนผ้ากอซวันละ
1
ครั้ง จนกว่าแผลจะหาย
|
|
ความดันต่ำ หน้ามืด เวียนศีรษะ
|
|
|
|
1. ถ้ามีอาการเจ็บหน้าอกรุนแรง, ปวดท้องหรืออาเจียนรุนแรง, ถ่ายอุจจาระดำ,
|
|
ใจหวิวใจสั่น, ชีพจรเต้นเร็ว, เหงื่อแตกท่วมตัว, หรือลุกนั่งมีอาการเป็นลม ต้องไปหาหมอโดยเร็ว.
|
|
2. ถ้าไม่มีอาการในข้อ 1 ให้ปฏิบัติดังนี้
|
|
2.1 ให้นอนลงสักครู่ แล้วลุกขึ้นใหม่โดยลุกช้าๆ อย่าลุกพรวดพราด เช่น ค่อยๆ
|
|
ลุกจากท่านอน เป็นท่านั่ง แล้วนั่งพักสักครู่
ขยับและเกร็งขาหลายๆ ครั้ง, แล้วค่อย ๆ
ลุกขึ้นยืน, ยืนนิ่งอยู่ สักครู่ แล้วจึงค่อยเดิน
|
|
2.2 ถ้ายังมีอาการให้กินยาหอม หรือกดจุด
|
|
3. ถ้าเป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง
ควรไปหาหมอเพื่อตรวจหาสาเหตุ
|
|
. ถ้ามีอาการวิงเวียน เห็นบ้านหมุน ดูเรื่อง วิงเวียน
เห็นบ้านหมุน
|
|
การป้องกัน ให้ออกกำลังกายเพิ่มขึ้นทีละน้อย, นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ, และดื่มน้ำมาก ๆ
|
|
|
|
1. ให้รีบทำแผลทันที
โดยล้างแผลด้วยน้ำสะอาด, ฟอกสบู่หลายๆ ครั้ง,
|
|
แล้วชะแผลด้วย แอลกอฮอล์ หรือ
ทิงเจอร์ใส่แผลสด หรือ น้ำยาโพวิโดนไอโอดีน
|
|
|
2. รีบพาไปหาหมอ
เพื่อพิจารณาฉีดยาป้องกันบาดทะยัก, ฉีดยาป้องกันโรคกลัวน้ำ
|
|
และใช้ ยาปฏิชีวนะ
|
|
|
|
1.
|
ถ้าบาดแผลเล็ก กดปากแผลด้วยผ้าสะอาด แล้วพันให้แน่น
|
|
|
2. ถ้าบาดแผลใหญ่ เลือดออกพุ่ง
ทำตามข้อ 1 แล้วเลือดยังไม่หยุด ใช้ผ้า เชือก
|
|
หรือสายยางรัดเหนือแผล(ระหว่างบาดแผลกับหัวใจ) ให้แน่นพอที่เลือดหยุดไหลเท่านั้น โดยอวัยวะส่วนปลายไม่เขียวคล้ำ
หรือถ้าเป็นเลือดพุ่งออกมาจากปลายหลอดเลือดที่ขาดอยู่ ให้ใช้ก้อนผ้าเล็กๆ
กดลงตรงนั้นเลือดจะหยุดได้
3. ยกส่วนที่มีเลือดออกให้สูงไว้
|
|
|
|
1. ถ้าเป็นลมหมดสติ และหยุดหายใจ , หรือชัก , หรือเป็นลมอัมพาต
|
|
(ส่วนหนึ่งส่วนใดของ ร่างกายอ่อนแรงทันที), หรือเป็นลมแน่นอกหรือจุกอก จนหายใจไม่ออก, หรือมีอาการรุนแรง อื่น ต้องไปหาหมอโดยเร็ว.
|
|
|
2. ถ้าเป็นลมหน้ามืด
อาจหมดสติจนไม่รู้สึกตัวได้โดยก่อนเป็นลมหน้ามืด
|
|
อาจใจหวิวใจสั่น หรือเวียนศีรษะแล้วหมดแรงฟุบตัวลงกับพื้น
(มักจะไม่ล้มฟาด) - ให้นอนหงายลงกับพื้น ( ศีรษะไม่หนุนหมอน) แขนขาเหยียด ใช้หมอนหรือสิ่งอื่นรองขา
และเท้าให้สูงกว่าลำตัว
|
|
|
- คลายเสื้อผ้าให้หลวมออก เอาฟันปลอมและของในปากออก
- พัดโบกลมให้ถูกหน้าและลำตัว ห้ามคนมุงดู.
- ให้ดมยาหม่องหรือยาดมอื่นๆ หรือกดจุด
- ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นหรือน้ำอุ่นเช็ดหน้า
และบีบนวดแขนขา
|
|
|
ถ้าไม่ดีขึ้นใน 30 นาที ให้ไปหาหมอ
|
|
|
|
|
1. ให้นั่งนิ่งๆ, หงายศีรษะไปด้านหลัง พิงพนักหรือผนัง,หรือนอนหนุนไหล่
|
|
ให้สูงแล้วหงายศีรษะพิงหมอน
|
|
|
2. ปลอบใจให้สงบใจ ให้หายใจยาวๆ (ยิ่งตื่นเต้นตกใจ เลือดยิ่งออกมาก)
|
|
3. ใช้นิ้วมือบีบจมูกทั้ง 2 ข้างให้แน่น โดยให้หายใจทางปากแทน
|
|
หรือใช้ผ้าสะอาดม้วนอุดรูจมูกข้างนั้น หรือ กดจุด
|
|
4. วางน้ำแข็งหรือผ้าเย็นบนสันจมูก
หน้าผาก และใต้ขากรรไกร
|
|
5. ถ้าเลือดไม่หยุด
รีบพาไปโรงพยาบาล
|
|
6. ถ้ามีเลือดกำเดาออกบ่อย ควรปรึกษาหมอ, อาจเป็นความดันเลือดสูง
|
|
หรือโรคอื่น ๆ ได้
|
|
|
|
|
|
การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโดยผู้ช่วยเหลือสองคน
|
|
|
วิธีที่ 1 อุ้มและยก เหมาะสำหรับผู้ป่วยรายในรายที่ไม่รู้สึกตัว
แต่ไม่ควรใช้
|
|
ในรายที่มีการบาดเจ็บของลำตัว หรือกระดูกหัก
|
|
|
วิธีที่ 2 นั่งบนมือทั้งสี่ที่จับประสานกันเป็นแคร่
เหมาะสำหรับผู้ป่วยในรายที่ขาเจ็บ
|
|
แต่รู้สึกดีและสามารถใช้แขนทั้งสองข้างได้
|
|
|
วิธีเคลื่อนย้าย ผู้ช่วยเหลือทั้งสองคนใช้มือขวากำข้อมือซ้ายของตนเอง
|
|
ขณะเดียวกันก็ใช้มือซ้ายกำมือขวาซึ่งกันและกัน
ให้ผู้ป่วยใช้แขนทั้งสองยันตัวขึ้นนั่งบนมือทั้งสี่ที่จับประสานกันเป็นแคร่
แขนทั้งสองของผู้ป่วยโอบคอผู้ช่วยเหลือ
จากนั้นวางผู้ป่วยบนเข่าเป็นจังหวะที่หนึ่ง และอุ้มยืนเป็นจังหวะที่สอง
แล้วจึงเดินไปพร้อมๆ กัน
|
|
วิธีที่ 3 การพยุงเดิน วิธีนี้ใช้ในรายที่ไม่มีบาดแผลรุนแรง
หรือกระดูกหัก
|
|
และผู้บาดเจ็บยังรู้สึกตัวดี
|
การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโดยผู้ช่วยเหลือสามคน
|
|
วิธีที่ 1 อุ้มสามคนเรียง เหมาะสำหรับผู้ป่วยในรายที่ไม่รู้สึกตัว
ต้องการอุ้มขึ้น
|
|
วางบนเตียงหรืออุ้มผ่านทางแคบ ๆ
|
|
วิธีเคลื่อนย้าย ผู้ช่วยเหลือทั้งสามคนคุกเข่าเรียงกันในท่าคุกเข่าข้างเดียว
|
|
ทุกคนสอดมือเข้าใต้ตัวผู้ป่วย
และอุ้มพยุงไว้ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายดังนี้
|
|
คนที่ 1 สอดมือทั้งสองเข้าใต้ตัวผู้ป่วยตรงบริเวณคอและหลังส่วนบน
|
|
คนที่ 2 สอดมือทั้งสองเข้าใต้ตัวผู้ป่วยตรงบริเวณหลังส่วนล่างและก้น
|
|
คนที่ 3 สอดมือทั้งสองเข้าใต้ขา
|
|
ผู้ช่วยเหลือคนที่อ่อนแอที่สุดควรเป็นคนที่ 3 เพราะรับน้ำหนักน้อยที่สุด
|
|
เมื่อจะยกผู้ป่วยผู้ช่วยเหลือทั้งสามคน
จะต้องทำงานพร้อมๆ กัน โดยให้คนใดคนหนึ่งเป็นออกคำสั่ง ขั้นแรก
ยกผู้ป่วยพร้อมกันและวางบนเข่า
จากท่านี้เหมาะสำหรับจะยกผู้ป่วยขึ้นวางบนเปลฉุกเฉินหรือบนเตียง
แต่ถ้าจะอุ้มเคลื่อนที่ผู้ช่วยเหลือทั้งสามคน
จะต้องประคองตัวผู้ป่วยในท่านอนตะแคง และอุ้มยืน
เมื่อจะเดินจะก้าวเดินไปทางด้านข้างพร้อมๆ กัน และถ้าจะวาง ผู้ป่วยให้ทำเหมือนเดิมทุกประการ
คือ คุกเข่าลงก่อนและค่อย ๆ วางผู้ป่วยลง
|
|
|
วิธีที่ 2 การใช้คน 3 คน วิธีนี้ใช้ในรายที่ผู้บาดเจ็บนอนหงาย หรือ นอนคว่ำก็ได้
|
|
ให้คางของผู้บาดเจ็บยกสูงเพื่อเปิดทางเดินหายใจ
|
|
|
1. ผู้ปฐมพยาบาล 2 คนคุกเข่าข้างลำตัวผู้บาดเจ็บข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่ง
|
|
ผู้ปฐมพยาบาลอีก 1 คน คุกเข่าข้างลำตัวผู้บาดเจ็บ
|
|
|
2. ผู้ปฐมพยาบาลคนที่ 1 ประคองที่ศีรษะและไหล่ผู้บาดเจ็บ มืออีกข้างหนึ่ง
|
|
รองส่วนหลังผู้บาดเจ็บ
|
|
|
้3. ผู้ปฐมพยาบาลคนที่ 2 อยู่ตรงข้ามคนที่ 1 ใช้แขนข้างหนึ่งรองหลังผู้บาดเจ็บ
|
|
เอามือไปจับมือคนที่ 1 อีกมือหนึ่งรองใต้สะโพกผู้บาดเจ็บ
|
|
|
4. ผู้ปฐมพยาบาลคนที่ 3 มือหนึ่งอยู่ใต้ต้นขาเหนือมือคนที่ 2 ที่รองใต้สะโพก
|
|
แล้วเอามือไปจับกับมือคนที่ 2 ที่รองใต้สะโพกนั้น ส่วนมืออีกข้างหนึ่งรองที่ขาใต้เข่า
|
|
|
5. มือคนที่ 1 และคนที่ 2 ควรจับกันอยู่ระหว่างกึ่งกลางลำตัวส่วนบนของผู้บาดเจ็บ
|
|
ผู้ปฐมพยาบาลจะต้องให้สัญญาณลุกขึ้นยืนพร้อม
ๆ กัน
|
การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโดยใช้ผ้าห่ม
|
|
|
ใช้กรณีที่ไม่มีเปลหามแต่ไม่เหมาะกับผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บบริเวณหลัง
|
|
|
วิธีเคลื่อนย้าย
พับผ้าห่มตามยาวทบกันเป็นชั้น ๆ 2-3 ทบ
|
|
โดยวิธีการพับผ้าห่มพับเช่นเดียวกับการพับกระดาษทำพัด
วางผ้าห่มขนาบชิดตัวผู้ป่วยทางด้านข้าง ผู้ช่วยเหลือคุกเข่าลงข้างตัวผู้ป่วยอีกข้างหนึ่ง
จับผู้ป่วยตะแคงตัวเพื่อให้นอนบนผ้าห่ม แล้วดึงชายผ้าห่มทั้งสองข้างออก
เสร็จแล้วจึงม้วนเข้าหากัน จากนั้นช่วยกันยกตัวผู้ป่วยขึ้น
ผู้ช่วยเหลือคนหนึ่งต้องประคองศีรษะผู้ป่วย โดยเฉพาะผู้ป่วยที่สงสัยว่า
ได้รับบาดเจ็บที่คอหรือหลัง
|
การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโดยใช้เปลหาม
|
|
|
เปลหรือแคร่มีประโยชน์ในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
อาจทำได้ง่ายโดยดัดแปลงวัสดุ
|
|
การใช้เปลหามจะสะดวกมากแต่ยุ่งยากบ้างขณะที่จะอุ้มผู้ป่วยวางบนเปลหรืออุ้มออกจากเปล
|
|
|
|
|
วิธีการเคลื่อนย้าย
|
|
|
เริ่มต้นด้วยการอุ้มผู้ป่วยนอนราบบนเปล
จากนั้นควรให้ผู้ช่วยเหลือคนหนึ่ง
|
|
เป็นคนออกคำสั่งให้ยกและหามเดิน เพื่อความพร้อมเพรียงและนุ่มนวล
ถ้ามีผู้ช่วยเหลือสองคน คนหนึ่งหามทางด้านศีรษะ
อีกคนหามทางด้านปลายเท้าและหันหน้าไปทางเดียวกัน
ซึ่งหมายความว่าผู้ช่วยเหลือที่หามทางด้านปลายเท้าจะเดินนำหน้า
หากมีผู้ช่วยเหลือ 4 คน ช่วยหาม อีก 2 คน จะช่วยหามทางด้านข้างของเปลและหันหน้าเดินไปทางเดียวกัน
|
|
|
|
|
|
|
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น